Offer Category: บัตรเครดิต

    เลือกจำนวนและระยะเวลาเงินกู้

    บาท
    เดือน
    วิธีการรับ
    สมัครเลย

    สมัครกู้ยืมเงินด่วนแบบ บัตรเครดิต สินเชื่อเงินสดหรือเงินกู้นอกระบบ กับหลายบริษัทแล้วจะได้รับผลดีกว่า

    citi prestige

    แบล็คการ์ด

    ttb reserve

    scb up2me

    ktc visa platinum

    kbank shopee

    the wisdom กสิกร

    unionpay

    tmb so smart

    scb first

    รู้จักกับนิยามบัตรเครดิตบัตรที่จะทำการใช้เงินเป็นเรื่องง่าย

    หลายคนอาจจะเคยพอทราบมาบ้างแล้วว่าบัตรเครดิตนั้นสามารถใช้แทนเงินสดในการซื้อของหรือผ่อนสินค้าได้ แต่อาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนว่าความหายของบัตรเครดิตคืออะไร วันนี้จะพามารู้จักกับนิยามของบัตรเครดิตจากการให้นิยามในแต่ละที่ว่าความหมายของบัตรเครดิตคืออะไรกันแน่ มาดูกันเลย

    จากผู้ให้บริการ KTC ได้ให้นิยามของบัตรเครดิต คือ การยืมเงินเงินกู้ออนไลน์ได้จริงรูปแบบหนึ่งผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินในรูปแบบของบัตร จากสถาบันทางการเงินหรือธนาคารเพื่อนับมาจับจ่ายใช้สอยไม่ว่าจะเป็นด้านสินค้าหรือบริการแทนการใช้เงินสด โดยวงเงินที่ได้รับในการใช้จ่ายจากบัตรเครดิตนั้นจะต้องไม่เกินยอดวงเงินที่ทางผผุ้ให้บริการเป็นอนุมัติให้ และต้องทำการชำระคืนในภายหลังหลังจากที่ได้ใช้วงเงินที่อนุมัตินั้นไปแล้วโดยการชำระแบบขั้นต่ำหรือเต็มวงเงินก็ได้ 

    บัตรเครดิตในนิยามของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ศคง) ได้กำหนดความหมายของบัตรเครดิตไว้ว่า บัตรเครดิตเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบหหนึ่งที่ได้ออกให้โดยกลุ่มบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันทางการเงิน (หรือที่เรียกว่า Non-Bank) รวมถึงสถาบันการเงินอย่างธนาคารได้ออกให้กับผู้ที่ทำการยื่นสมัคร โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายด้าน เช่น ใช้แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าที่เข้าร่วมบริการหรือรับชำระด้วยบัตรเครดิตโดยมีโลโก้แสดงไว้อย่างชัดเจน ซึ่งการทําบัตรเครดิตยังช่วยให้สามารถเบิกหรือถอนเงินสดได้ผ่านเครื่อง ATM โดยเป็นการเบิกเงินมาใช้จ่ายล่วงหน้าได้อีกด้วย นอกจากนี้การทําบัตรเครดิตยังสามารถรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมายที่มาในรูปแบบของ ส่วนลด การผ่อนชำระ การรับเงินคืนจากการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต ที่จอดรถ และการคุ้มครองการเดินทางไปต่างประเทศ เป็นต้น ดังนั้นหากรู้จักวิธีใช้บัตรเครดิตจะเห็นได้ว่าบัตรเครดิตมีประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว

    รู้จักกับบัตรเครดิตแต่ละประเภทฉบับสากล

    ประเภทของบัตรเครดิตที่เห็นกันได้อย่างแพร่หลาย และมีการใช้งานในประเทศไทยมีด้วยกันทั้งหมด 5 ประเภทที่มีการใช้อย่างแพร่หลายและเป็นสากล โดยสามารถแบ่งออกได้ดังนี้ 

    บัตรเครดิต VISA: เป็นบัตรเครดิตที่ใช้ในการชำระค่าใช้จ่ายในกลุ่มเครือข่ายของแบรนด์ VISA ที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเปิดให้รองรับการใช้จ่ายกับร้านทั่วโลกที่เข้าร่วมเครือข่ายโดยมีทั้งสิ้นกว่า 28 ล้านร้านค้า และรวมถึงการให้บริการครอบคลุมกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นหากทำการสมัครบัตรเครดิตธนาคารที่เป็นประเภท VISA Card ก็จะสามารถเข้าถึงร้านค้าที่เข้าร่วมรายการทั้งหมดนี้อีกด้วย

    บัตรเครดิต Master Card: เป็นบัตรเครดิตอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบหนึ่งที่ใช้ในการทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายของ Mastercard ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ใหญ่รองลงมาจากเครือข่ายของ VISA แต่ก็ยังคงให้บริการที่ครอบคลุมในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งเครือข่ายร้านค้าครอบคลุมมากถึง 30 ล้านร้านค้าทั่วโลกเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม

    บัตรเครดิต American Express: บัตรเครดิต American Express เป็นบัตรเครดิตที่อยู่ภายใต้แบรนด์ของบริษัทผู้ให้บริการด้านซื้อขายทางการเงิน American Express (หรือรู้จักในนาม Amex) ได้ให้บริการบัตรประเภท Prepaid Card, Charge Card และ Debit Card ที่สามารถเข้าถึงได้ในรายบุคคล หรือธุรกิจขนาดเล็กทั่วทั้งในสหรัฐได้ โดยส่วนใหญ่แล้วการให้บริการของบัตรเครดิต American Express จะมุ่งเน้นไปที่สิทธิประโยชน์ด้านการเดินทาง การใช้บริการของ Lounge ของสายการบิน รวมถึงการอำนวยความสะดวกในด้านอื่น ๆ 

    บัตรเครดิต Japan Credit Bureau (JCB): เป็นกลุ่มเครือข่ายผู้ให้บริการจากประเทศญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันคนไทยต่างหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นเพราะด้วยสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ในด้านการจ๋องตั๋วเครื่องบิน ที่พักโรงแรม และโปรบัตรเครดิตที่สนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้การสมัครทําบัตรเครดิต JCB จึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่คนให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก

    บัตรเครดิต UnionPay: เป็นผู้ให้บริการจากประเทศจีนที่มอบสิทธิประโยชน์ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางต่างประเทศ การซื่อขายสินค้าออนไลน์ทั่วโลก เป็นหนึ่งนรูปแบบบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ไม่ว่าจะทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์ สนับสนุนการใช้งานผ่านตู้ ATM, การชำระผ่านระบบ POS และการทำธุรกรรมแบบ Pre-Authorization ปัจจุบันยังมอบสิทธิประโยชน์ในการท่องเที่ยวที่ประเทศจีน มาเก๊า ไต้หวัน ฮ่องกง

    บัตรเครดิตของแต่ละประเภทให้วงเงินเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร 

    รู้จักกับประเภทของบัตรเครดิตกันไปแล้ว เรามาดูกันต่อว่าหากเปรียบเทียบบัตรเครดิตในแต่ละประเภทถึงเงื่อนไขข้อมูลในการอนุมัติด้าน วงเงิน อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาในการผ่อนนั้น การทําบัตรเครดิตในแต่ละประเภทนั้นถือว่ายังไม่มีความแตกต่างกันมากนัก โดยหากเปรียบเทียบบัตรเครดิตในแต่ละมิติ จะมีเพียงไม่กี่มิติเท่านั้นที่แตกต่างกันโดยจะของแบ่งมุมมองมิติออกเป็นทั้งหมด 4 มิติได้แต่

    • มิติด้านวงเงิน: วงเงินในการอนุมัติบัตรเครดิตเริ่มต้นตั้งแต่ 1.5-5 เท่าของรายได้แต่หากคิดเป็นวงเงินสูงสุดในรูปแบบของเงินสดที่จะสามารถเข้าถึงได้จะขึ้นอยู่กับตามแต่ละเงื่อนไขของแต่ละธนาคารกำหนด
      • มิติด้านอัตราดอกเบี้ย: ตามกฎหมายไทยว่าด้วยเรื่องการคิดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตได้กำหนดไว้ว่าจะสามารถคิดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตได้สูงสุดไม่เกิน 18% ต่อปี (ในกรณ๊ที่ผิดนัดชำระหนี้) แต่โดยทั่วไปแล้วดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะอยู่ที่ไม่เกิน 16% ต่อปี
    • มิติด้านระยะเวลาในการผ่อนชำระ: ระยะเวลาในการผ่อนชำระเงินคืนเมื่อมีการใช้วงเงินภายในบัตร จะขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรและเงื่อนไขตามแต่ละธนาคารกำหนด โดยส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มที่ 3, 6, 10 และ 12 เดือน
    • มิติด้านสิทธิประโยชน์: ว่ากันว่าบัตรเครดิตที่ดีที่สุดคือบัตรเครดิตที่สามารถตอบโจทย์ได้ดีตามความต้องการของผุ้สมัครสินเชื่ออนุมัติง่าย ซึ่งในแง่ของสิทธิประโยชน์ของตัวบัตรจะเป็นการบ่งบอกความเป็นตัวตนมากที่สุด เช่น ชอบการรับส่วนลดมากการกว่าแลกแต้ม หรือบางคนอาจชอบการแลกแต้มบัตรเครดิตมากกว่าการรับเครดิตเงินคืน (cashback) ปัจจัยด้านดังกล่าวนี้เป็นปัจจัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในแต่ละบัตร และยากที่จะเปรียบเทียบบัตรเครดิตได้ว่า บัตรเครดิตธนาคารไหนดีที่สุด

    ตัวอย่างรูปแบบสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิต

    การเลือกทำบัตรเครดิตที่ดีที่สุดไว้ใช้งานซักใบ ไม่ใช่เป็นการเลือกเพียงเพราะเป็นบัตรเครดิตชนิดใดก็ได้ แต่ควรเลือกให้ตรงกับความต้องการของประเภทการใช้งาน เช่น หากมีความชื่นชอบในด้านการซื้อของตามรีวิวหรือซื้อของผ่านออนไลน์ ก็ควรเลือกทำบัตรเครดิตที่สามารถแบ่งผ่อนชำระผ่านออนไลน์หรือบัตรเครดิตที่จะมอบสิทธิพิเศษเมื่อทำการซื้อผ่านออนไลน์กับร้านค้าที่เข้าร่วมรายการนั่นเอง ดังนั้นการเลือกรูปแบบสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิต จึงเป็นการบ่งถึงบอกความเป็นตัวตนของผู้สมัครได้มากที่สุด จากรุปแบบสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตที่ให้บริการในไทย สามารถจำแนกรูปแบบของสิทธิประโยชน์ต่างๆออกได้เป็น

    การสะสมแต้มหรือสะสมคะแนน – ในการสะสมแต้มหรือคะแนนนำแต้มที่ได้รับมาใช้ควบคู่กับโปรบัตรเครดิตที่เข้าร่วมรายการในการนำแต้มมาแลกเป็นส่วนลดหรือแลกของรางวัล

    เครดิตเงินคืน – เป็นรูปแบบสิทธิประโยชน์แบบหนึ่ง ซึ่งผู้สมัครบางรายอาจจะไม่ชอบการสะสมคะแนน แต่จะชอบได้รับผลตอบแทนในแบบการคืนเงินกลับบมานั่นเอง ซึ่งการรับเครดิตเงินคืนสามารถรับได้ตั้งแต่ 3-5% จากยอดวงเงินที่ใช้ไป

    แลกของรางวัล – การแลกของรางวัลจัดเป็นอีกหนึ่งประเภทของประโยชน์ที่จะได้รับ โดยการนำแต้มที่ได้จากการสะสมผ่านตัวบัตรเครดิตมาแลกเป็นของสมนาคุณ

    แบ่งผ่อนชำระ 0% – เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการครอบบัตรเครดิตธนาคารที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตไทยพาณิชย์, บัตรเครดิตกรุงไทย, บัตรเครดิต Citibank หรือแม้แต่บัตรเครดิตกรุงเทพ ก็ล้วนจำเป็นบัตรเครดิตที่ต้องมีร้านค้าที่เข้าร่วมรายการผ่อน ซึ่งการแบ่งผ่อนชำระนี้จะเป็นการประหยัดเงินสดในมือได้เป็นอย่างดี และไม่เดือดร้อนในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย

    สิทธิประโยชน์ที่เราได้หยิบยกขึ้นมานี้เป็นเพียงสิทธิประโยชน์ในเบื้องต้นของบัตรเครดิตธนาคารหรือบริษัท Non-Bank ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยังมีคุ้มครองในส่วนของค่ารักษาพยาบาล, ประกันการเดินทาง และสิทธิประโยชน์ในด้านอื่น

    การใช้งานบัตรเครดิตที่ให้มากกว่าเงินสดจะสามารถซื้อได้

    ลองนึกภาพไปพร้อม ๆ กันว่า หากใช้เงินสดในการจับจ่ายซื้อสินค้าหรือบริการแทนการใช้บัตรเครดิต สิ่งที่จะได้รับตอบแทนกลับมาก็มีเพียงสินค้าหรือบริการประเภทนั้นๆ ซึ่งหากใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าหรือบริการ สิ่งที่จะได้รับตอบแทนกลับมา มักมาในรูปแบบของสิทธิประโยชน์ต่างๆมากมาย เช่น การสะสมแต้มก็จะสามารถใช้แต้มในการแลกของรางวัลหรือส่วนลดกับสินค้าหรือบริการที่เข้าร่วมรายการกับบัตรเครดิตนั่นเอง ซึ่งนอกจากนี้การทําบัตรเครดิตยังสามารถรับสิทธิประโยชน์ในด้านอื่นไม่ว่าจะเป็น การแบ่งจ่าย 0% ใน 3/6/10/12 เดือน ซึ่งนอกจากจะไม่เสียก้อนแล้วยังสามารถผ่อนหนักให้กลายเป็นเบาได้แบบสบาย นอกจากการแบ่งชำระจ่าย รับแต้มสะสมไว้แลกของรางวัล ยังสามารถรับเงินคืนเมื่อใช้วงเงินภายในบัตรเครดิต ซึ่งสิทธิประโยชน์เหล่านี้เป็นเพียงสิทธิประโยชน์ที่ได้มาพร้อมกับเลือกสมัครทำบัตรเครดิตนั่นเองและยังไม่รวมถึงสิทธิประโยชน์ในรูปแบบของบัตร เช่น บัตรเครดิต VISA, Master Card, JCB และอื่น ๆ โดยในแต่ละผู้ให้บริการบัตรเครดิตก็จะมีสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป

    ทำบัตรเครดิตใช้อะไรบ้างเปิดเอกสารสำคัญที่ต้องเลยว่าเตรียมดีมีสมัครผ่านแน่นอน

    วิธีสมัครบัตรเครดิตให้ผ่านล้วนมีปัจจัยสำคัญซึ่งก็คือขั้นตอนของการจัดเตรียมเอกสาร อาจกล่าวได้ว่าเอกสารดีมีชัยไปกว่าครึ่งเลยก็ว่าได้ ดังนั้นการสมัครบัตรเครดิตนอกจากจะต้องอาศัยคุณสมบัติที่ต้องตรงตามเงื่อนไขกับที่ธนาคารเป็นผู้กำหนดแล้ว การวางแผนจัดเตรียมเอกสารที่ครบถ้วนก็เป็นอีกหนึ่งในวิธีสมัครบัตรเครดิตที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติบัตรเครดิตเป็นไปได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น เรามาดูกันว่าทำบัตรเครดิตใช้อะไรบ้าง

    1.บัตรประจำตัวประชาชน เป็นเอกสารที่ใช้ในการแสดงยืนยันตัวตนซึ่งธนาคารสามารถนำบัตรประชาชนไปตรวจสอบประวัติต่าง ๆ ว่ามีประวัติเป็นอย่างไรบ้าง 

    2.สลิปเงินเดือน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการประกอบการทําบัตรเครดิตเพราะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า ฐานเงินเดือนของผู้สมัครบัตรเครดิตนั้นเป็นเช่นไร เข้ากฎเกณฑ์ในคุณสมบัติด้านการสมัครหรือไม่ ซึ่งเงินเดือนยังเป็นสิ่งที่จะบอกถึงความสามารถในการชำระหนี้ และยังบ่งบอกถึงรายได้ที่ได้รับในรายเดือนว่ามีอัตราสม่ำเสมออย่างไร 

    3.หนังสือรับรองเงินเดือน เป็นเอกสารในการสมัครบัตรเครดิตที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง ที่นอกจากจะใช้สลิปเงินเดือนในการเตรียมความพร้อมแล้ว หนังสือรับรองเงินเดือนก็เปรียบเสมือนใบรับรองที่มาของรายได้ที่บริษัทได้จ่ายเงินเดือนให้นั่นเอง ซึ่งถือเป็นเอกสารที่สำคัญมากๆเลยทีเดียว เพราะหากขาดสลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือนด้วยแล้วละก็ การสมัครบัตรเครดิตอาจกลายเป็นเรื่องยากโดยทันที 

    4. เอกสารสำเนาทะเบียนบ้าน เป็นเอกสารประกอบการสมัครที่ไม่ได้นำมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาว่าจะอนุมัติให้ผ่านหรือไม่ผ่าน แต่เป็นเอกสารที่ใช้แสดงถึงที่อยู่หากเกิดกรณีการเบี้ยวหนี้หรือหนีหนี้ ธนาคารก็จะสามารถติดตามทวงถามหนี้ได้จากที่อยู่ที่ใช้การยื่นทำบัตรเครดิตนั่นเอง

    5.สมุดเงินฝากบัญชีธนาคาร มีไว้เพื่อประกอบการพิจารณาว่าในแต่ละเดือนหลังจากที่ได้รับเงินเดือนมานั้น มีการเดินบัญชีอย่างไรบ้าง มีเงินคงเหลือจำนวนเท่าไร การตรวจสอบสมุดบัญชีเป็นการบางบอกถึงพฤติกรรมในการใช้เงินได้ในเบื้องต้น ซึ่งหากมีจำนวนเงินเหลือติดบัญชีเงินฝากไว้ในแต่ละเดือนเป็นจำนวนมาก การอนุมัติบัตรเครดิตก็มีแนวโน้มที่จะสมัครผ่านได้ไม่ยากนัก

    6.เอกสารสเตทเม้นท์การเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) เป็นการแสดงรายการของบัญชีว่ามีการใช้จ่ายอย่างไรบ้าง โดยการขอสเตทเม้นท์เพื่อทำบัตรเครดิตสามารถขอได้จากธนาคารที่เราได้มีบัญชีเงินฝาก หรือบัญชีที่ต้องการจะใช้ประกอบการสมัครบัตรเครดิต ซึ่งเอกสารสเตทเม้นท์การเดินบัญชีย้อนหลังเป็นอีกเอกสารตัวหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าสลิปเงินเดือนหรือใบรับรองเงินเดือนเลย

    อยากทําบัตรเครดิตแต่ไม่มีสลิปเงินเดือนสามารถทำได้หรือไม่ได้?

    หลายท่านอาจสงสัยว่า หากอยากทําบัตรเครดิตแต่ไม่มีสลิปเงินเดือจะสามารถทำบัตรเครดิตได้หรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วต้องบอกก่อนว่าใบสลิปเงินเดือนนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการสมัครทำบัตรเครดิต ซึ่งแน่นอนว่าการทำบัตรเครดิตของแต่ละธนาคารนั้นก็ยังมีข้ออนุโลมในการยื่นเอกสารสลิปเงินเดือนด้วยเช่นกัน ณ จุดนี้จึงอาจกล่าวได้ว่า หากอยากทําบัตรเครดิตแต่ไม่มีสลิปเงินเดือก็สามารถทำได้แต่ก็ไม่ได้หมายความจะทำได้กับทุกธนาคาร ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับโครงสร้างของแต่ละธนาคารหรือบริษัทที่ให้บริการด้านบัตรเครดิต โดยการสมัครบัตรรเครดิตที่ไม่ใช้สลิปเงินเดือนจำเป็นต้องใช้เอกสารใบรับรองรายได้จากทางบริษัทหรือหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50) ในการประกอบการสมัคร

    จริงหรือไม่ที่การมีบัตรเครดิตจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี? 

    ต้องบอกก่อนว่าบัตรเครดิตก็เปรียบเสมือนเครื่องมือชนิดหนึ่งที่จะช่วยให้สามารถปลดล็อกอิสระทางด้านการจับจ่ายได้ในบางส่วน ซึ่งแน่นอนว่าบัตรเครดิตธนาคารจะเกิดคุณหรือเกิดโทษได้มักขึ้นอยู่กับพฤติกรรมในการใช้เงินของผู้ถือบัตร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตไทยพาณิชย์, บัตรเครดิต ktc กรุงไทย, บัตรเครดิต Citibank หรือบัตรเครดิตธนาคารอื่น ๆ นอกเหนือจากตัวอย่างที่ได้หยิบยกขึ้นมานี้ หากเลือกใช้บัตรเครดิตเกินความจำเป็นและเลือกผ่อนในอัตราที่ต่ำสุด สิ่งที่จะได้รับกลับมาก็คือการเสียอัตราดอกเบี้ยในจำนวนที่มหาศาล ซึ่งการใช้บัตรเครดิตในวิธีดังกล่าวนี้อาจทำให้เกิดโทษมากกว่าเกิดคุณอย่างแน่นอน แต่หากเลือกใช้บัตรเครดิตตามโอกาสที่เหมาะสม เช่น มีการแบ่งผ่อนชำระ 0% นานหลายเดือน ก็ซื้อของประเภทดังกล่าวก็สามารถทำได้โดยไม่เสียค่าอัตราดอกเบี้ยอีกทั้งยังเป็นการประหยัดเงินก้อนที่มีอยู่ในกระเป๋าอีกด้วย